กราบสวัสดีทุกท่านอีกเช่นเคย พอดีช่วงหลัง ๆ มานี้ผมได้หากระเป๋าสตางค์ใบใหม่อยู่ เนื่องจากใบเก่ามันพังแล้ว ผมอยากได้กระเป๋าสตางค์ที่มันบาง ๆ ไม่หนาแบบใบเก่า สามารถพกพาได้สะดวก มีขนาดเล็ก ซึ่งหลังจากที่หา ๆ มามันทำให้ผมได้สังเกตุตัวเองได้ว่า ช่วงหลัง ๆ มานี้ประเทศไทยเราเริ่มเข้าสู่ยุคไร้เงินสดมากขึ้น ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้ควักเงินสด หรือเหรียญจากกระเป๋าออกมาใช้สักเท่าไหร่

แถมล่าสุดผมเพิ่งไปทำบัตรที่เรียกว่า Contactless มาใช้ เนื่องจากล่าสุดรถเมล์ ขสมก. ได้รองรับการชำระเงินด้วยบัตรที่มีเทคโนโลยี Contactless แล้ว

Cr.BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

ผมจึงใช้บัตรในการชำระเงินค่าโดยสารเป็นส่วนใหญ่ ถ้า BTS ก็ใช้บัตร Rabbit ที่มีการตัดผ่านบัตรเดบิตได้ หรือจะเป็นการชำระเงินด้วยพร้อมเพย์แทน เพราะร้านค้าสมัยนี้รองรับกันเกือบหมดแล้ว ผมจึงพกแค่แบงค์ร้อยใบเดียวเท่านั้นในกระเป๋าเผื่อฉุกเฉิน แถมการชำระเงินผ่านบัตรสมัยนี้ก็ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมแล้ว ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น

ผมจึงหากระเป๋าเก็บบัตรที่ใช้งานง่าย ๆ โดยเน้นว่าต้องเก็บบัตรได้เยอะ ๆ สามารถนำบัตรออกมาใช้งานได้ง่าย และมีขนาดเล็กกระทัดรัด ถ้าจะให้ดีขอแถมที่หนีบแบงค์ไว้ยามฉุกเฉินด้วยละกัน สุดท้ายผมก็ได้ไปเจอเจ้า Beanio Leaflet ที่มีตัวแทนจำหน่ายในไทย ดูน่าเชื่อถือดี และหน้าตาน่าใช้ ฟังก์ชั่นดีงาม ผมเลยได้สั่งมาลองใช้ดู หลังจากผมใช้งานมาเกือบสองอาทิตย์ วันนี้ผมจะมารีวิวให้ทุกคนได้รู้กันว่าเจ้ากระเป๋าใส่บัตร Beanio Leaflet ตัวนี้ใช้งานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ซื้อมาเขาจะมีกล่องใส่กระเป๋ามาให้ด้วยนะ ดูดีเลยทีเดียวเชียว

ตัวกระเป๋าจะแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกจะเป็นปลอกหุ้มใช้วัสดุเป็นหนัง PU เกรด Premium

โดยมีให้เลือกซื้อกัน 3 สีคือ Indigo, Caramel, midnight black, Mocha brown สีที่ผมสั่งมาก็เป็นสี Mocha brown นั่นเอง

ส่วนที่สองจะเป็นส่วนของกล่องเก็บบัตร โดยใช้วัสดุเป็น อลูมิเนียมอัลลอยด์ ที่แข็งแรงทนทานดีมาก ๆ

โดยกล่องเก็บบัตรตัวนี้มีเทคโนโลยี RFID Blocking มาให้ด้วยซึ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่ใช้บัตรแบบ Contactless เพราะจะช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากบัตรได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ

เมื่อทำการใส่บัตร รวมถึงทำการสอดบัตรที่ใช้แตะต่าง ๆ แล้ว มีความหนาอยู่ประมาณ 1.6 cm. เท่านั้น

ด้านขวาก็จะมีที่แปะเพื่อทำการรัดปลอกหนังกับที่เก็บบัตรเข้าด้วยกัน

ตัวหนังจะช่วยทำการปกป้องตัวกล่องเก็บบัตร ทำให้สบายใจได้เวลาวางกับพื้นผิววัสดุต่าง

ตัวกระเป๋ามีขนาดอยู่ที่ 10 x 6 x 1.6 cm. เท่านั้น เล็กกว่า iPhone SE สะอีก

กล่องใส่บัตรสามารถใส่บัตรได้สูงสุด 7 ใบด้วยกัน

ยังไม่พอด้านในยังมีที่สำหรับหนีบแบงค์มาให้ด้วยไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้ และด้านขวายังมีช่องมาให้สำหรับสอดบัตรอีกสองช่องด้วยกัน ส่วนมากผมจะเอาไว้สอดบัตร Rabbit ของ BTS กับบัตร MRT จะได้แตะเข้าได้เลย ไม่ต้องมานั่งหยิบบัตรให้เสียเวลา ส่วนบัตรที่มีเงินเยอะ ๆ อย่างบัตรเดบิตก็เก็บใส่กล่องใส่บัตรไว้จะปลอดภัยกว่า

ด้านล่างจะเป็นที่กดสำหรับทำการสไลด์ให้บัตรที่เก็บอยู่ในกล่องเด้งออกมาใช้งานกันง่าย ๆ

เมื่อทำการกดที่สไลด์ด้านล่าง บัตรก็จะเด้งออกมาให้เราได้ใช้งานกันง่าย ๆ ดังภาพนี้เลยสะดวกมาก แถมยังเห็นบัตรเรียงไว้สวยงาม เลือกหยิบบัตรที่เราต้องการใช้ได้แบบง่าย ๆ กันไปเลย

-ข้อพิจารณา-

  1. ไม่สามารถใส่เหรียญได้
  2. ใส่ธนบัตรได้สูงสุดเพียง 3 ใบเท่านั้น ไม่งั้นปิดประเป๋าไม่ได้
  3. แนบบัตรที่ช่องตรงปลอกหนังได้ไม่เกิน 2 ใบเท่านั้น ไม่งั้นปิดประเป๋าไม่ได้

บทสรุป

หลักจากที่ผมได้ใช้งานมาโดยรวมก็รู้สึกชอบ เพราะมันใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นครบ ที่สำคัญคือมีขนาดที่เล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา ไม่หนาเทอะทะ ถือเป็นกระเป๋าใส่บัตรอีกตัวนึงที่น่าสนใจมากในยุคนี้ แถมกระเป๋าตังค์ใบนี้จะบังคับให้คุณเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมันไม่สามารถใส่เหรียญ หรือธนบัตรเยอะ ๆ ได้นั่นเองเป็นการบังคับการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดไปในตัว โดยเจ้า Beanio Leaflet ตัวนี้ก็สนนราคาอยู่ที่ 1,490 บาท ก็ถือว่าราคาสูงอยู่พอควร แต่ถ้ามาเทียบกับคุณภาพ ฟังก์ชั่นต่าง ๆ และวัสดุที่ให้มา ก็ถือว่าเหมาะสมกับราคาอยู่ไม่น้อย ถ้าใครสนใจอยู่ละก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อตามผมได้ที่ Fanpage : กระเป๋าใส่บัตร กระเป๋าสตางค์ Beanio ตามลิ้งค์ต่อไปนี้ได้เลย ➡️ https://www.facebook.com/BeanioTH/

Leave a Reply